วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ยางสนหัวใจของเครื่องสาย ♡

♡ วันนี้เรามารู้จักยางสน (Rosin) ให้มากขึ้นกันดีกว่าครับ ♡



               นักเรียนไวโอลิน และนักดนตรีเครื่องสายทุกคนคงรู้ดีแล้วว่า ยางสนนั้นเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญสำหรับเครื่องดนตรีที่ใช้คัญชักในการบรรเลง เพราะถ้าหางม้าของคัญชัก ไม่ได้ผ่านการฝนด้วยยางสนแล้วนั้นจะทำให้ไม่เกิดความหนืดเพียงพอที่จะสร้างแรงเสียดทานแระความสั่นที่จะทำให้เกิดเสียงดนตรี ออกมาได้ ดังนั้นนักดนตรี/นักเรียนเครื่องสาย ควรจะมีความรู้เรื่องยางสนอยู่บ้างเพื่อจะเลือกยางสนที่เหมาะสมกับความชอบได้ ก่อนอื่นเรามารู้จักกับที่มาของยางสนกันก่อนดีกว่า

 ยางสน (Rosin) หรือที่ช่างทำยางสนรู้จักกันดีในชื่อ Colophon  หรือ Colophony   คือยางไม้ (Resin) ที่ได้จากต้นสน (Pine) ซึ่งมีอยู่กว่า 110 ชนิดทั่วยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ และนิวซีแลนด์ คำว่าColophony   มีประวัติย้อนหลังไปถึงอาณาจักรโบราณ Colophon ใน Lydia ซึ่งมีการผลิตยางสนคุณภาพดีเพื่อทำควันเพื่อใช้ทั้งในการแพทย์และพิธีกรรมเวทมนตร์ต่างๆ

        การเก็บยางสน จะได้จากต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกับวิธีการเก็บน้ำหวาน (Syrup) จากต้นเมเปิ้ล ซึ่งวิธีการนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อต้นไม้ ในขั้นตอนแรกจะบากเปลือกไม้ออกก่อน หลังจากนั้นจะฝังท่อโลหะและภาชนะสำหรับใส่ยางสน ในขั้นตอนสุดท้ายจะบากต้นไม้เป็นรูปตัว V เหนือท่อโลหะ มีความกว้างประมาณ 1 ซ.ม. ร่องบากนี้จะช่วยให้ยางสนไหลลงสู่ภาชนะที่เตรียมไว้ การบากร่องควรซ้ำทุกๆ 5 วันเพื่อให้ยางสนไหลได้สะดวก

หลังจากที่ได้ยางสนเรียบร้อยแล้ว ในบางครั้งก็จะผสมของเหลวจากต้นไม้บางชนิด โดยปกติจะได้จากต้นสน ต้นสปรู๊ซ ต้นเฟอร์ ช่างทำยางสนแต่ละคนจะมีสูตรลับเฉพาะตัวเช่นเดียวกับที่ช่างทำไวโอลินมีสูตรน้ำมันวานิชของตนเพื่อให้ได้ยางสนสูตรพิเศษ หลังจากนั้นจะนำส่วนผสมที่ได้ไปกรองและเคี่ยวในหม้อขนาดใหญ่จนกระทั่งยางสนเหลวได้ที่ จากนั้นจึงรีบเทส่วนผสมที่ได้ลงแม่พิมพ์ ทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 30 นาที ยางสนจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนและมีความมันวาว หลังจากนั้นจึงห่อยางสนลงในผ้าหรือใส่ลงในภาชนะบรรจุที่เตรียมไว้

       สีสันของยางสนขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาในการเก็บ ถ้าเก็บในช่วงปลายฤดูหนาวหรือในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ จะได้ยางสนสีทองหรือสีอำพันซึ่งมีความแข็งเมื่อย็นตัวลง แต่ถ้าเก็บในฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วงจะได้ยางสนสีเข้มและมีความอ่อนนุ่มกว่า
ยางสนทำให้เกิดเสียงได้อย่างไร
        หลักการทำงานของยางสนคือ การอาศัยความฝืดระหว่างหางม้าและสายที่เกิดจากความเหนียวของยางสน เมื่อลากคันชักผ่านสายก็จะลากสายไปในทิศทางเดียวกันจนกระทั่งสุดปลายคันชัก เมื่อสายถูกลากไปจนสุดก็จะดีดตัวกลับ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนตามคลื่นความถี่ของสายที่ตั้งไว้

        ทฤษฎีดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 2 ทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องการเกิดเสียงของเครื่องดนตรีที่ใช้คันชัก ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่ายางสนทำให้เกิดสะเก็ดหรือตะขอเล็กๆ บนหางม้าหรือที่เรียกว่า ‘Barbs’ สะเก็ดเล็กๆ เหล่านี้จะไปเกี่ยวสายทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในขณะที่ลากคันชักผ่านสาย

สูตรของยางสนและตัวอย่างยางสนในท้องตลาด


ยางสนผสมทอง (Gold rosin)

        จะให้น้ำเสียงที่อบอุ่นและชัดเจน เหมาะกับเครื่องดนตรีทุกประเภท ยางสนผสมทองจะช่วยทำให้เครื่องดนตรีที่มีเสียงแหลมมีน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น นักดนตรีประเภทแสดงเดี่ยวหลายๆ คนกล่าวว่า ยางสนชนิดนี้ช่วยให้เสียงเครื่องดนตรีของพวกเขามีน้ำเสียงนุ่มนวลและชัดเจนยิ่งขึ้น

  ยางสนผสมโลหะเงิน (Silver rosin)

        ช่วยทำให้เสียงของเครื่องดนตรีมีโทนเสียงที่แน่นและสดใสขึ้น โดยเฉพาะการเล่นในโพสิชั่นสูงๆ เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับไวโอลินและวิโอล่า

ยางสนผสมตะกั่ว-เงิน (Lead-Silver rosin) 

        เหมาะสำหรับไวโอลินและวิโอล่า เป็นยางสนที่มีความนุ่มนวลแต่ไม่เหนียวเหนอะ ให้น้ำเสียงที่นุ่มนวล ชัดเจนและสดใส

ยางสนผสมทองแดง (Copper rosin) 

        ให้น้ำเสียงที่ชัดเจนที่สุดในบรรดายางสนผสม ยางสนชนิดนี้ช่วยให้การเล่นของนักดนตรีมือใหม่ได้ง่ายขึ้น เหมาะกับเครื่องดนตรีขนาด 1/2 และ 3/4 ยางสนชนิดนี้ให้เสียงที่อบอุ่นนุ่มนวลเหมือนกำมะหยี่ นอกจากนั้นยังเป็นที่นิยมในหมู่นักดนตรีประเภท Gamba อีกด้วย



ยางสนที่มีจำหน่ายในท้องตลาด 


        มีทั้งแบบกล่องสี่เหลี่ยม (Box) และก้อนกลม (Cake) โดยทั่วไปยางสนชนิดแรกจะมีราคาถูกกว่า มีให้เลือกทั้งแบบสีอ่อนและสีเข้ม จัดเป็นยางสนเอนกประสงค์ที่สามารถใช้กับเครื่องดนตรีได้ทุกประเภทและทุกฤดูกาล รวมถึงเครื่องดนตรีประเภทเบส ข้อดีของยางสนชนิดนี้คือ เหมาะกับนักดนตรีหัดใหม่ที่ใช้คันชักซึ่งเป็นหางม้าเทียม ข้อดีอีกอย่างก็คือสามารถใช้ได้นานกว่า ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการร้าวหรือแตก

ส่วนยางสนประเภทก้อนกลมมักจะมีคุณภาพดีกว่า เนื้อยางสนมีความบริสุทธิ์กว่า มีจำหน่ายทั้งแบบสีเข้มและสีอ่อนเช่นเดียวกัน
ผงยางสนที่เกิดจากการเล่นอาจสร้างปัญหาให้กับนักดนตรีอยู่บ้าง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องอาการแพ้ละอองยางสน บริษัทผู้ผลิตบางแห่งจึงได้คิดค้นยางสนปลอดภูมิแพ้ขึ้นมา (Hypoallergenic rosin) มีความใสและปราศจากฝุ่นละออง ผลิตออกจำหน่ายในรูปก้อนกลม ไม่เกิดฝุ่นและละอองเวลาเล่น

        แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้ยางสนประเภทใดก็ตาม ควรใช้แต่พอดี นักดนตรีหลายๆ คนฝนยางสนมากเกินความจำเป็น ไม่จำเป็นต้องฝนยางสนทุกครั้งที่เล่น การฝนยางสนแต่ละครั้งสามารถใช้ได้ 4-5 ครั้งเลยทีเดียว ยิ่งฝนยางสนบ่อยเกินไปก็อาจต้องเปลี่ยนหางม้าบ่อยขึ้นเท่านั้น
เคล็ดลับประการสุดท้ายคือ การป้องกันไม่ให้ยางสนทำลายเครื่องดนตรีตัวเก่งของคุณ วิธีการทำความสะอาดก็คือ ให้พกผ้านุ่มๆ ไว้ในกล่องเครื่องดนตรี หมั่นทำความสะอาดสาย คันชักและเครื่องดนตรีทุกครั้งหลังการเล่น


ยางสนสำหรับนักดนตรีที่เป็นภูมิแพ้ยี่ห้อ



Clarity Hypoallergenic Violin/Viola Rosin





               จากบทความนี้จะเห็นได้ว่ายางสนนั้นมีสูตร (Formula) ต่างๆ มากมาย ดังนั้นนักเรียนควรเลือกซื้อ จากคุณสมบัติของสูตรต่างๆ และน้ำเสียงที่ต้องการให้ซอเป็นแบบไหน แล้ววจึงเลือกสูตรนั้นๆ อ่อแต่ละสูตรนี่ก็มีราคาค่าตัวต่างกันนะครับ (ไม่เท่ากันอยู่แล้วเพราะว่าวัสดุที่ใส่เพิ่มเข้าไปนั้นต่างกัน คุณภาพของเนื้อยางสนนั้นก็ต่างกัน) แต่ถ้าจะให้ครูฮายแนะนำครูฮายว่า ถ้าเราเพิ่งหัดเล่นก็ใช้ยางสนที่แถมมาก่อนก็ได้ แล้วถ้าอยากลองยางสนที่คุณภาพต่างจากที่แถมมาครูฮาย แนะนำเป็นยี่ห้อ Pirastro พวกราคาไม่แพงมากรุ่น Tonica หรือจะเป็น ยางสนยี่ห้อ Bernadel Rosin ก็ได้ครับ

อันนี้คือ ยางสน Pirastro Tonica (ปิราสโต โทนิก้้า) นะครับ



ส่วนอันนี้คือ ยางสน Bernadel Rosin (กูดสตัพเบเนอร์เดล)



อันนี้คือยางสนผสมทอง Pirastro Gold ครับ



อันนี้เป็นยางสนยี่ห้อ LETO No.8002 สูตรผสมเงินครับ



อันนี้เป็นยางสนสีดำ (น่าจะมีส่วนผสมของถ่าน/คาร์บอน) ยี่ห้อ Pirastro



               ยางสานพวกนี้ราคาไม่เกินประมาณห้าร้อยครับคุณภาพของเบนนาเดลนี่โอเครเลยครับ เรื่องของยางสนนี่ยังไงลองใช้ดูที่ชอบนะครับ ต่างคนก็ชอบไม่เหมือนกัน

ไว้เจออะไรที่นักเรียนควรรู้ครูฮายจะนำมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ ไว้เจอกันบทความหน้า สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ





ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/akXNgN